
10 อันดับคลินิกฉีดไขมันที่ได้รับความนิยมในขณะนี้
ปัจจุบันเทคนิคการฉีดไขมันเริ่มกำลังเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นเทคนิคใหม่ที่ไม่มีสารแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย และให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ ฉีดไขมันที่ใบหน้า เป็นเทคนิคการผ่าตัดที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษไม่เพียงแต่ต้องใช้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับศาสตร์ของการย้ายและปลูกถ่ายไขมัน แต่ยังต้องใช้ศิลปะและประสบการณ์ในการออกแบบใบหน้าอีกด้วย โดยโรงพยาบาลกาลึมฮานเป็นโรงพยาบาลชั้นนำที่มีประสบการณ์การฉีดไขมันที่หน้าให้กับลูกค้าเป็นจำนวนหลายแสนรายต่อปี ซึ่งการฉีดไขมันที่หน้า มีหลายบริเวณที่นิยมฉีดกัน เช่น ฉีดไขมันที่หน้าผาก ฉีดไขมันใต้ตา ฉีดไขมันปรับรูปหน้า ฉีดไขมันหน้าเด็ก ฉีดไขมันที่คาง ฉีดไขมันที่จมูก
วิธีฉีดไขมันเติมเต็มใบหน้า | Fat Filler
ฉีดไขมันที่หน้า เป็นการปลูกถ่ายไขมัน โดยใช้เทคนิคการดูดไขมันส่วนเกินออกจากร่างกาย เช่น ดูดไขมันออกจากต้นขา หน้าท้อง สะโพก โดยหลังจากได้ไขมันครบตามที่ต้องการแล้ว จะเข้าสู่ขั้นตอนการเตรียมไขมันโดยกระบวนการปั่นแยกให้ได้ไขมันที่มีชีวิตที่มีคุณภาพสูง แล้วนำกลับมาฉีดเข้าไปในใบหน้าตรงบริเวณที่มีความบกพร่อง เพื่อเติมเต็มชั้นใต้ผิวหนัง และปรับรูปร่างส่วนที่จะทำการฉีด โดยเซลล์ไขมันที่ฉีดยังมีชีวิตอยู่ หลักการของการฉีดไขมันคือการเติมเต็มส่วนต่างๆของร่างกาย คล้ายการรักษาด้วยฟิลเลอร์ แต่ผลลัพธ์อยู่ได้นานกว่า
ขั้นตอนการฉีดไขมันหน้า
- ทำการดูดไขมันส่วนเกินออกจากร่างกาย
- แยกไขมันให้ได้ไขมันที่มีคุณภาพสูง และไขมันที่มีชีวิต
- ทำความสะอาดใบหน้า ฆ่าเชื้อที่ใบหน้าและฉีดยาชา
- นำไขมันคุณภาพที่คัดมาแล้วกลับมาฉีด เข้าไปที่ใบหน้าบริเวณที่มีข้อบกพร่อง
ข้อดี
- ไม่มีแผลเป็น
- ไม่มีสารแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย เพราะเป็นการใช้ไขมันตนเอง
- ไขมันที่ฉีดเข้าไปหลังจากผ่านไป 6 เดือน จะอยู่ได้อย่างถาวร
- ไขมันเป็นฟิลเลอร์ที่มีชีวิตสามารถฟื้นฟูสภาพความมีชีวิตชีวาของผิวหน้าได้ เพราะไขมันมีสเต็มเซลล์ไขมันปนอยู่ ทำให้หลังฉีดไขมันเติมเต็มใบหน้าไปแล้ว จะดูเป็นธรรมชาติ แลดูอ่อนเยาว์ขึ้น
- ปลอดภัย100%
ข้อเสีย
- ไม่สามารถดูดไขมันจากคนที่น้ำหนักตัวน้อยหรือผอมมากๆ ได้
- แม้ว่าผลการเติมเต็มไขมันจะดีขึ้นกว่าเดิม แต่ยังมีการสลายตัวบางส่วนของไขมันอยู่ ซึ่งปริมาณการสลายตัวของไขมันนั้นขึ้นกับธรรมชาติของแต่ละคน และในแต่ละตำแหน่งของร่างกายก็จะมีการตอบสนองที่แตกต่างกันด้วย ดังนั้นเพื่อความสมบูรณ์ของใบหน้าจึงอาจต้องมีการทำซ้ำสองถึงสามครั้ง หรือบางคนที่มีความสมบูรณ์ของใบหน้ามากพออยู่แล้ว ก็อาจจะทำแค่ครั้งเดียวจบก็ได้